ก. ส. )
ที่ทำไว้ โดยลงเลขกรมธรรม์ให้ครบถ้วน แต่หากยังไม่ได้ต่อพรบ. มา ให้คลิกถูกตรงช่อง "ไม่มีพรบ. "
ผู้ครอบครองรถทุกประเภท มีหน้าที่ที่ต้องชำระภาษีรายปีตามกฎหมาย ซึ่งภาษีนี้เมื่อเราชำระแล้ว จะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุง หรือสร้างถนนหนทางต่างๆให้ดีขึ้น ดังนั้น ถ้ารถเหล่านั้นยังมีการใช้งานตามท้องถนนอยู่ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องต่อภาษีตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นประจำทุกปี จะเป็นอย่างไรเมื่อเราไม่ต่อภาษี? - ต้องเสียค่าปรับหากพบว่ามีการนำรถที่ขาดการต่อภาษีประจำปีมาใช้บนท้องถนน - เสียภาษีย้อนหลัง 1% ต่อเดือน หากขาดต่อภาษีไม่เกิน 3 ปี - หากมีการขาดต่อภาษีเกิน 3 ปีขึ้นไป รถคันนั้นก็จะถูกตัดทะเบียนออกจากบัญชี หมายความว่าทะเบียนรถคันนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป และไม่สามารถซื้อขายได้ตามกฎหมาย หากต้องการนำรถมาใช้อีก เจ้าของรถต้องไปยื่นขอจดทะเบียนใหม่และนำแผ่นป้ายเดิมไปคืนเพื่อขอป้ายใหม่ และทำการชำระภาษีย้อนหลังตามจำนวนปีที่ขาดชำระนั้น ยุ่งยากอยู่ไม่น้อยใช้ไหมคะ? ดังนั้น ทางที่ดีเราควรต่อภาษีของรถเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ แล้วการต่อภาษีมีขั้นตอนอะไรบ้าง? ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง? และทำได้ที่ไหนบ้าง? เรามาดูกันเลยค่ะ Fahkamram/ เอกสารที่ต้องเตรียม สมุดรายการจดทะเบียนรถ หรือ สำเนารายการจดทะเบียนรถ (ในกรณีที่รถคันนั้นอยู่ระหว่างการเช่าซื้อรถ หรือติดไฟแนนซ์อยู่) เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญ ระบุรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับรถ และรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ครอบครองรถ 2.
5 บาท 601 - 1800 CC ราคา CC ละ 1. 50 บาท เกิน 1800 CC ขึ้นไป ราคา CC ละ 4 บาท หากรถมีอายุเกินกว่า 6 ปี จะได้ลดภาษี 10%, 7 ปี ลด 20%, 8 ปี ลด 30% เป็นต้น แต่หากเสียภาษีล่าช้าจะถูกปรับเดือนละ 1% ของราคาภาษี (เศษวันนับเป็น 1 เดือน) รถทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 7 ที่นั่ง การคำนวณภาษีจะขึ้นกับน้ำหนักรถ ดังนี้ 501-750 กก. เสียภาษี 450 บาท 751-1000 กก. เสียภาษี 600 บาท 1001-1250 กก. เสียภาษี 750 บาท 1251-1500 กก. เสียภาษี 900 บาท 1501-1750 กก. เสียภาษี 1050 บาท 1751-2000 กก. เสียภาษี 1350 บาท 2001-2500 กก. เสียภาษี 1650 บาท รถทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือสีน้ำเงิน หรือรถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง การคำนวณภาษีจะขึ้นกับน้ำหนักรถ ดังนี้ น้อยกว่า 1800 กก. อัตราภาษี 1300 บาท 1800 กก. ขึ้นไป อัตราภาษี 1600 บาท
หลักฐานการตรวจสภาพรถ (เฉพาะในกรณีที่รถเกิน 7 ปี เท่านั้น) สามารถตรวจสภาพรถได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ. ) ก็ได้ แต่หากรถมีการขาดต่อภาษีเกิน 1 ปี หรือมีการปรับแต่งและดัดแปลงรถ ซึ่งสภาพไม่ตรงกับที่ระบุไว้ในสมุดคู่มือประจำรถ จำเป็นต้องตรวจสภาพรถที่ขนส่งจังหวัดเท่านั้น 3. เอกสารการรับรองการติดตั้งแก๊ส (ถ้ามี) ในกรณีที่รถบางคันมีการเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาเป็นแบบแก๊ส จะต้องมีใบรับรองในการติดตั้งระบบและใบตรวจสภาพจากวิศวกรแนบมาด้วย ซึ่ง หากเป็นระบบ LPG จะสามารถใช้รถได้ 5 ปี ต่อการตรวจ 1 ครั้ง และระบบ CNG จะต้องมีการตรวจใหม่ทุกปี 4. เอกสารการต่อ พรบ. (ประกันรถยนต์ภาคบังคับ) ที่มีอายุอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งการต่อพรบ. หลายท่านส่วนใหญ่แล้วจะต่อพร้อมประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ หรือหากไม่มีประกันภาคสมัครใจ ก็สามารถต่อผ่านตัวแทนประกันรถยนต์ได้ทั่วไป ซึ่ง เมื่อต่อแล้ว จะมีหางกรมธรรม์ พรบ.